ชมวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 67,765 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 21.00 น. วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2548
ผู้ตัดสิน ฟิล ดาวน์
ปีศาจแดง ‘บุก บุก บุก เข้าไป’ แต่พลาดโอกาสไปหมด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเล่นเกมรุกบุกแหลก ‘คามิกาเซ่’ และน่าจะถล่ม แบล็คเบิร์น ได้อย่างง่ายดายเมื่อวันเสาร์ แต่พลาดโอกาสไปหมด และ 2 ประตูจาก พีเดอร์เซ่น ทำให้ปีศาจแดง พ่ายแพ้เป็นครั้งแรกของฤดูกาลนี้
มันเป็นชัยชนะครั้งแรกของแบล็คเบิร์น ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังจากที่เคยเอาชนะไปได้ 3-0 ที่นี่เมื่อเดือนตุลาคม 1962 ซึ่งเป็นเวลา 43 ปี มาแล้ว
แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตะโกน “บุก บุก บุก เข้าไป” แม้ว่าปีศาจแดง จะสร้างโอกาสทำประตูได้มากมาย อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถทำให้โอกาสเหล่านั้นกลายเป็นประตูได้ แม้ว่าจะสร้างสรรค์โอกาสได้หลากหลาย ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียไปทั้ง 3 คะแนนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
หลักฐานจาก 20 นาทีแรกของเกม คงจะเป็นการยากที่จะอ้างว่า พรีเมียร์ชิพ เป็นลีกที่ขาดการเล่นเพื่อความสนุกสนานของผู้ชม
ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีโอกาสงามถึง 7 ครั้งในช่วง 20 นาทีแรก ในขณะที่แบล็คเบิร์น น่าจะขึ้นนำได้ถึง 3-0 ก่อนจบครึ่งแรก ถ้าไม่ได้ฟอร์มสุดยอดของเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ป้องกันประตูของทีมเอาไว้
เกมเริ่มต้นขึ้นเหมือนกับว่า พรีเมียร์ชิพ ขาดความรู้สึกถึงการเล่นที่สนุกสนาน แม้กระทั่งเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ยังกล่าวถึงเรื่องนี้ในหนังสือโปรแกรมการแข่งขัน
“พวก ‘นักพยากรณ์’ ทั้งหลายต่างคาดการณ์ถึงจุดจบของฟุตบอล” เขากล่าว “พวก ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ของสื่อมวลชนต่างกล่าวกันว่า ผู้ชมเข้าสนามน้อยลง ตั๋วมีราคาแพงเกินไป ฟุตบอลเล่นเกมรับกันมากขึ้นและน่าเบื่อ และเกมการเล่นขาดเสน่ห์”
มีโอกาสเกิดขึ้นมากมายที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ผู้ชมได้เห็นฟุตบอลที่สนุกสนานและเกมรุกที่ดีที่สุดเท่าที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้ รุด ฟาน นิสเตลรอย มีโอกาสงาม 2 ครั้ง ในขณะที่ทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และอลัน สมิธ ก็โหม่งจากลูกตั้งเตะพลาดไปเพียงนิดเดียว และลูกยิงระยะใกล้ของพอล สโคลส์ ก็หลุดกรอบออกไป
แบล็คเบิร์น ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 18 ของพรีเมียร์ชิพ ก่อนเริ่มเล่น ไม่ได้มาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพียงเพื่อเล่นเกมรับ ความเร็วของเคร็ก เบลลามี่ ในแดนหน้าสร้างปัญหาให้กับปีศาจแดง ได้ตลอดในครึ่งแรก หัวหอกชาวเวลส์ สร้างโอกาสแรกให้ทีมเยือนหลังผ่านไปได้ 8 นาที เมื่อเขาจ่ายบอลให้กับพีเดอร์เซ่น ซึ่งโยนบอลเข้ากลางไปให้กับพอล ดิ๊กคอฟ แล้วฟาน เดอร์ ซาร์ ก็ต้องออกแรงป้องกันประตูอย่างสุดยอดจากการพุ่งโหม่งจ่อๆ ของดิ๊กคอฟ
ฟาน เดอร์ ซาร์ ป้องกันแนวรับได้เป็นอย่างดี แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังคงสร้างสรรค์เกมรุกได้ตลอด ฟาน นิสเตลรอย น่าจะทำให้ปีศาจแดง ขึ้นนำได้ในนาทีที่ 25 แต่ลูกยิงของเขาพุ่งข้ามคานออกไปจากการโยนบอลของเฟล็ตเชอร์
อย่างไรก็ตาม อันตรายจากทีมของมาร์ค ฮิวจ์ส ก็ยังคงมีมาเรื่อยๆ เดวิด เบนท์ลี่ย์ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ เมื่อลูกขลุกขลิกหน้าประตูทำให้เขาได้โอกาสจากระยะ 8 หลา โดยมีเพียงฟาน เดอร์ ซาร์ ขวางอยู่เท่านั้น แต่เขายิงไปตรงตัวผู้รักษาประตูชาวดัตช์
และก็เป็นแบล็คเบิร์น ที่ขึ้นไปก่อนจากลูกฟรีคิกทางฝั่งขวาที่ดูไม่น่ามีอันตราย ลูกโยนโค้งของพีเดอร์เซ่น ข้ามหัวนักเตะไปหมดทุกคน และผ่านมือของฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปที่เสาไกล ทำให้แบล็คเบิร์น ขึ้นนำไป 1-0 อย่างไม่น่าเชื่อ
เสียงตะโกน “4-4-2 4-4-2 4-4-2” และเสียงโห่มีให้ได้ยินตลอดทั้งก่อนและทันทีที่นกหวีดจบครึ่งแรกดังขึ้น แฟนบอลร้องขอให้ เฟอร์กี้ เปลี่ยนแปลงแผนการเล่น
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงแผนการเล่นก็ไม่ได้ทำให้โอกาสกลายเป็นประตู ซึ่งเป็นจุดด้อยอย่างเดียวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หลังจากพักครึ่งเวลาปีศาจแดงกลับมาสร้างสรรค์โอกาสแต่เพียงฝ่ายเดียว ลูกฟรีคิกของโรนัลโด้ ซึ่งคล้ายๆ กับที่พีเดอร์เซ่น ทำประตูได้ในครึ่งแรก พุ่งออกไปนิดเดียว หลังจากเริ่มครึ่งหลังได้ไม่กี่นาที
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวเอาเวย์น รูนี่ย์ ลงสนามหลังจากเริ่มครึ่งหลังไปได้ 10 นาที ทำให้เกมการเล่นดีขึ้น หัวหอกดาวรุ่งวัย 19 ปี ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้สำเร็จหลังจากลงสนามมาได้ไม่กี่นาที แต่เขาอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าอย่างชัดเจนและก็ไม่ได้ประตู
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มักจะหันไปหานักเตะวัยรุ่นเมื่อต้องการแรงกระตุ้น และก็เป็นเขาที่พลิกบอลและยิงจากกรอบเขตโทษในนาทีที่ 67 ที่สร้างโอกาสให้ทีมตีเสมอได้สำเร็จ แบรด ฟรีเดล ปัดลูกยิงของรูนี่ย์ แต่ไปเข้าทางฟาน นิสเตลรอย ซึ่งแตะบอลหลบผู้รักษาประตูชาวอเมริกันก่อนจะยิงประตูที่ 6 ของเขาในฤดูกาลนี้เข้าไป ซึ่งเป็นลูกยิงที่ทำให้หัวหอกดัตช์แมนเข้าไปอยู่ในอันดับที่ 10 ของทำเนียบยอดดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทำให้ทีมตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จ
แบล็คเบิร์น สร้างโอกาสในครึ่งหลังได้น้อยมาก แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องสร้างขึ้นมาด้วยซ้ำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ตัวเองมีปัญหาที่กรอบเขตโทษเมื่อเหลือเวลาเพียง 10 นาที พอล สโคลส์ ซึ่งปกติแล้วเชื่อใจได้เสมอสำหรับปีศาจแดง กลับเสียบอลให้กับไมเคิล เกรย์ และอดีตแบ็กซ้าย ซันเดอร์แลนด์ ก็แทงบอลต่อไปให้กับ พีเดอร์เซ่น ซึ่งยิงลูกเสยตาข่ายผ่านมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปที่มุมบนซ้ายมือ เป็นประตูที่ 2 ของเขาและของ แบล็คเบิร์น
รูนี่ย์ ได้โอกาสใกล้เคียงในนาทีที่ 89 จากลูกโหม่ง แต่ก็เป็นเหมือนกับที่ลูกอื่นๆ ในวันนี้ บอลลอยออกข้างเสาไปอย่างน่าเสียดาย และเกมก็จบลงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 แบล็คเบิร์น ถือเป็นความพ่ายแพ้นัดแรกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้
ความไม่พอใจของแฟนบอลถูกทำให้เข้าใจผิดจากเสียงตะโกน “4-4-2” ซึ่งเป็นแผนการเล่นที่ เซฮร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อ้างว่าไม่เหมาะสมกับตัวผู้เล่นของเขา และเกมการเล่นแบบ “บุก บุก บุก เข้าไป” ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำมาใช้ในเกมนี้ แต่การเสมอ 3 นัด และพ่ายแพ้ 1 นัด จากการเล่น 4 นัดหลังสุดของปีศาจแดง ทำให้แฟนบอลมีสิทธิ์ที่จะแสดงความไม่พอใจออกมา เมื่อขณะนี้ทีมมีคะแนนตามหลัง เชลซี อยู่ถึง 10 คะแนน (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น. 45)
พอล สโคลส์ 18
ปาร์ค จีซุง 13
อลัน สมิธ 14
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 67)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26 น. 57 จอห์น โอเชีย 22
ไรอัน กิ๊กส์ 11 น. 69 ปาร์ค จีซุง 13
เลียม มิลเลอร์ 17
เวย์น รูนี่ย์ 8 น. 55 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
แบรด ฟรีเดล 1
ไมเคิล เกรย์ 33
ซูรับ คิซานิชวิลี่ 3
ลูคัส นีล 2
ไรอัน เนลเซ่น 6
เดวิด เบนท์ลี่ย์ 29 ( น. 49)
แกมส์ต พีเดอร์เซ่น 12 ( น. 33, 81)
ร็อบบี้ ซาเวจ 8 ( น. 45)
ตูกาย 16
เคร็ก เบลลามี่ 11 ( น. 71)
พอล ดิ๊กคอฟ 10
สำรอง
ปีเตอร์ อังเคลแมน 13
แอรอน โมโคเอน่า 15 น. 45 ตูกาย 16
เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน 7 น. 75 เดวิด เบนท์ลี่ย์ 29
สตีเว่น รีด 14 น. 63 พอล ดิ๊กคอฟ 10
เชฟกี้ คูกี้ 9
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 1, ลูกยิงตรงกรอบ 5, ลูกยิงหลุดกรอบ 17, ลูกยิงโดนบล็อค 6, เตะมุม 7, ฟาวล์ 14, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 57%
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ยิงประตู 2, ลูกยิงตรงกรอบ 10, เตะมุม 1, ฟาวล์ 15, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 3, การครองบอล 43 %
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7, จอห์น โอเชีย 5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 4, มิเกล ซิลแวสตร์ 6, คีแรน ริชาร์ดสัน 6, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 5, พอล สโคลส์ 4, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7, อลัน สมิธ 8, รุด ฟาน นิสเตลรอย 6, ปาร์ค จีซุง 5, ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ (สำรอง) 5, ไรอัน กิ๊กส์ (สำรอง) 5, เวย์น รูนี่ย์ (สำรอง) 7
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แบรด ฟรีเดล 7, ลูคัส นีล 6, ซูรับ คิซานิชวิลี่ 7, ไรอัน เนลเซ่น 8, ไมเคิล เกรย์ 7, เดวิด เบนท์ลี่ย์ 5, ตูกาย 6, ร็อบบี้ ซาเวจ 6, แกรมส์ต พีเดอร์เซ่น 9, เคร็ก เบลลามี่ 8, พอล ดิ๊กคอฟ 6, แอรอน โมโคเอน่า (สำรอง) 8, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน (สำรอง) 6, สตีเว่น รีด (สำรอง) 5
Por